

ร็อก
ร็อก (อังกฤษ: Rock) เป็นแนวเพลงที่ได้รับความนิยมในกระแสหลักในช่วงคริสต์ ทศวรรษ 1960 มีต้นกำเนิดจากดนตรีร็อกแอนด์โรล ริธึมแอนด์บลูส์ ดนตรีคันทรีในคริสต์ทศวรรษ 1940 และ 1950 รวมถึงเพลงแนวโฟล์ก แจ๊ซและดนตรีคลาสสิก
ดนตรีเพลงร็อกมันวงไปด้วยเสียงกีตาร์แบบแบ็กบีตจากส่วนจังหวะของกีตาร์ เบสไฟฟ้า กลองและคีย์บอร์ด อย่างออร์แกน เปียโน หรือตั้งแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 ก็มีการใช้เครื่องสังเคราะห์เสียง ร่วมไปกับกีตาร์และคีย์บอร์ด ยังมีการใช้แซกโซโฟน และฮาร์โมนิกาในแบบบลูส์ก็มีใช้บ้างในท่อนโซโล่ ในรูปแบบร็อกบริสุทธิ์แล้ว ใช้ 3 คอร์ด จังหวะแบ็กบีตที่แข็งแรงและหนักแน่น รวมถึงมีเมโลดี้ติดหู[1]
ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1960 และต้นคริสต์ทศวรรษ 1970 เพลงร็อกพัฒนาจนแตกแยกย่อยเป็นหลายแนวเพลง และเมื่อรวมกับเพลงโฟล์กแล้วจึงเป็น โฟล์กร็อก รวมกับบลูส์เป็น บลูส์-ร็อก รวมกับแจ๊ซเป็น แจ๊ซ-ร็อก ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 ร็อกยังเกี่ยวข้องกับเพลงโซล ฟังก์และละติน เช่นเดียวกันในยุคนี้ร็อกยังได้เกิดแนวเพลงย่อยอีกหลายแนวเช่น ซอฟต์ร็อก เฮฟวีเมทัล ฮาร์ดร็อก โพรเกรสซีฟร็อกและพังก์ร็อก ส่วนแนวเพลงย่อยร็อกที่เกิดขึ้นในคริสต์ทศวรรษ 1980 เช่น นิวเวฟ ฮาร์ดคอร์พังก์และอัลเทอร์เนทีฟร็อก ในยุคคริสต์ทศวรรษ 1990 แนวเพลงย่อยที่เกิดเช่น กรันจ์ บริตป็อป อินดี้ร็อกและนูเมทัล
มีวงร็อกส่วนใหญ่ประกอบด้วย สมาชิกที่เล่นกีตาร์ไฟฟ้า นักร้องนำ กีตาร์เบสและกลอง ก่อตั้งเป็นวง 4 ชิ้น มีบางวงที่มีสมาชิกน้อยกว่าหรือมากกว่า ตำแหน่งเล่นดนตรีบางคนก็ทำหน้าที่ร้องก็มี ในบางครั้งอาจเป็นวง 3 คนหรือวงดูโอซึ่งอาจมีนักดนตรีเสริมเข้ามาอย่างกีตาร์ริธึมหรือคีย์บอร์ด บางวงอาจมีการใช้เครื่องดนตรีสายอย่างไวโอลิน เชลโล หรือเครื่องเป่าอย่าง แซกโซโฟน หรือทรัมเปตหรือทรอมโบน แต่มีวงไม่มากนักที่ใช้
ยอด ขายวิดีโอรวมกว่า 2 ล้านชุด
ยอดผู้ชมรวมที่โตเกียวโดมกว่า 650,000 คน
( การแสดง 7 ครั้งที่โตเกียวโดม รวมทั้งการแสดงที่โตเกียวโดมครั้งแรกในปี 1991
และการแสดงคอนเสิร์ต 3 วันรวดครั้งแรกที่โตเกียวโดมในปี 1992 รวมทั้งสิ้น 13 รอบ )

X Japan วงร็อคระดับตำนานของญี่ปุ่น
- ขอความสุขคืนกลับ มา (พ.ศ. 2553) แต่งโดย นิติพงษ์ ห่อนาค เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในกทม. และให้ดารานักแสดงและนักร้องมาร่วมร้องเพลงนี้
ประวัติ
วงละอ่อน เกิดจากการรวมตัวของเด็กนักเรียน 6 คน จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (ละอ่อน เป็นภาษาถิ่นของภาคเหนือ แปลว่าเด็กๆ, คนที่อายุน้อยกว่า และเป็นชื่อประเพณีวันรับน้องของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ซึ่งเป็นประเพณีรับน้องระดับชั้นม.1 ที่จัดโดยรุ่นพี่ปี1 และ ม.6 ในปีนั้นๆ)
พ.ศ. 2539 รายการวิทยุ Hot Wave ได้จัดงานประกวดวงดนตรีระดับมัธยมศึกษาชื่อ Hot Wave Music Awards ขึ้นเป็นครั้งแรก วงละอ่อนจึงได้เข้าร่วมการแข่งขันและได้รับรางวัลชนะเลิศ จากจำนวนวงดนตรีจำนวนมากที่เข้าร่วมแข่งขัน ทำให้วงละอ่อนได้รับการเซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด มิวสิกบั๊กส์ และออกอัลบั้มแรกในชื่อ ละอ่อน โดยมีเพลงดังคือเพลง ได้หรือเปล่า และ นิดนึงพอ (นิดนึงพอ บรรเลงและขับร้องโดย วงละอ่อน แต่เป็นรุ่นที่สอง นักร้องนำคือ ปั้น เจษฎา ที่เข้ามาแทนตำแหน่งของ ตูน อาทิวรา เพื่อประกอบเรื่อง เทพนิยายนายเสนาะ ปัจจุบัน ปั้น เจษฎา เป็นสมาชิกวง Basher นอกจากนี้เพลง นิดนึงพอ ยังมี version ที่บรรเลงและขับร้องโดยวง Friday (Friday I'm in love) อีกด้วย) เป็นการรวมตัวกันของนักดนตรี (ส่วนหนึ่ง) ของวงละอ่อน ซึ่งเคยชนะเลิศการประกวด Hot Wave Music Award ครั้งที่ 1 และมีผลงานมาแล้วถึง 2 อัลบั้ม หลังจากนั้นสมาชิกในวงก็ได้แยกย้ายกันไปเรียนต่อ ตามความถนัดของแต่ละคน ทำให้วิถีการดำเนินชีวิตแตกต่าง และห่างกันไปโดยไม่ตั้งใจจนกระทั่ง"ตูน" นักร้องนำของวง ได้หวนกลับมาสนใจเล่นดนตรีอีกครั้ง และเริ่มแต่งเพลงอีกครั้ง จากนั้นไม่นานก็ได้ "เภา" มาช่วยงานเพลง และ"ปิ๊ด" ก็กลับมาช่วยทำงานเพลงในรูปแบบใหม่ และเปลี่ยนชื่อวงเป็น Bodyslam ซึ่งแนวดนตรีได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ที่ มาของชื่อบอดี้สแลม
จากคำอธิบายของพวกเขาเอง ที่มาของชื่อนี้มาจากท่าๆ หนึ่งของมวยปล้ำ แต่ถ้าแปลความหมายตรงตัว BODY แปลว่าร่างกาย SLAM คือการทุ่ม เมื่อพอมารวมกันเป็น BODYSLAM ก็หมายถึง การทุ่มสุดตัว คือการทำงานเพลงกันเต็มที่แบบทุ่มสุดตัว
ประวัติ
เริ่มจากการ ที่อภิชาติ พรมรักษา (หมู) และพูนศักดิ์ จตุระบุล (อ๊อฟ) เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนสมัยมัธยมที่โรงเรียนสตรีวิทยา 2 และได้ร่วมกันตั้งวงดนตรีขึ้นมาแต่ไม่ได้จริงจังนัก จนกระทั่งเรียนจบมัธยมก็ได้แยกย้ายกันไป จากนั้นอ๊อฟก็ไปเรียนต่อที่วิทยาลัยก่อสร้างดุสิต จึงชักชวนเอกรัตน์ วงศ์ฉลาด (แด๊กซ์) ซึ่งเรียนอยู่ที่เดียวกันมาร่วมวงด้วย ขณะนั้นหมูที่เรียนอยู่ที่วิทยาลัยช่างศิลป์ ก็ชักชวนเอกรัตน์ รัตนปิณฑะ (ต้น) เพื่อนร่วมวิทยาลัยมาด้วยอีกคน แต่ทั้งสี่ยังขาดมือกลอง จึงชวนขจรเดช พรมรักษา (กบ) น้องชายของหมูมาเสริมทีม ต่อมาเมื่อเอกรัตน์ รัตนปิณฑะ (ต้น) ลาออกจากวง ก็ได้ พงศ์พันธ์ พลสิทธิ์ (โอ๊ค) มือเบสคนใหม่เข้ามาแทน และกลายมาเป็น BIG ASS
หลังจากคว้ารางวัลสีสันอวอร์ด สาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ปี 2541 จากอัลบั้ม "NOT BAD" และหลังจากแอบไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางดนตรี ด้วยการช่วยทำงานเบื้องหลังให้เพื่อนๆ ศิลปินร่วมค่าย อีก 2 ปีต่อมา พวกเขากลับมาพร้อมอัลบั้มหมายเลข 2 "XL" ดนตรีขนาดใหญ่ที่โตพองด้วยเนื้อหาและซาวนด์ดนตรี จากความเป็นป๊อปร็อกของอัลบั้มแรก กลายมาเป็นร็อกที่มีกลิ่นฮาร์ดคอร์ เพลงเด่นๆ อย่าง "ก่อนตาย" "เพื่อนชวนไปแอบดู" กับเพลงเนื้อหากวนๆ "ผู้ชายมือสอง" ที่แสดงคาแรคเตอร์ของวงได้ชัดเจน หรือจะเป็นเพลงช้าที่โดนใจอย่างเพลง "เธอเก็บฉันไว้ทำไม" "รักเขาให้เท่าฉัน" รวมทั้งยังได้เข้าชิง "เพลงร็อกยอดเยี่ยม" จากรางวัลสีสันอวอร์ด ในเพลง "ศักดิ์เอ๋ย" ปี 2543 อีกด้วย
ปี 2546 พวกเขากลับมาอีกครั้ง กับอัลบั้ม My World หลังจากห่างหายไปเกือบ 3 ปี เพื่อไปทำงานเพลงเบื้องหลัง ให้กับศิลปินในสังกัดมิวสิก บั๊กส์ จนมีชื่อเสียงโด่งดัง อาทิ บอดี้สแลม, Free เป็นต้น
งานเพลงชุด 3 ที่พวกเขาทั้งโปรดิวซ์และร่วมเขียนเนื้อเพลงเอง อัลบั้ม My World จึงถือกำเนิดขึ้น ด้วยความเชื่อที่ว่า "ทุกคนต่างมีโลกเป็นของตัวเอง และไม่จำเป็นที่โลกของแต่ละคน จะต้องเหมือนกันเพลงทุกเพลงในอัลบั้มนี้ คือโลกของพวกเรา ที่อยากให้ทุกคนได้รู้จัก"
1 ปีให้หลัง พ.ศ. 2547 พวกเขาก็ย้ายบ้านจาก สังกัดมิวสิก บั๊กส์ ไปสู่บ้านใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมอย่าง จีนี่ เร็คคอร์ดส ในเครือแกรมมี่ ที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้อิสระในการทำงานอย่างเต็มที่ส่งผลให้พวกเขาออก อัลบั้มชุด "Seven" ซึ่งเป็นอัลบั้มที่บ่งบอกถึงการเดินทางอันยาวนานบนเส้นทางดนตรีที่กำลังเข้า สู่ปีที่ 7 และเพลงในอัลบั้มชุดนี้โด่งดังแทบทุกเพลงเรียกได้ว่าดังกันข้ามปีกันเลยที เดียว ทั้งเพลงเร็วสนุกๆ มันๆ ในแนวของ BIG ASS เช่น "ยักษ์ใหญ่ไล่ยักษ์เล็ก" ,"เล่นของสูง" หรือเพลงช้ากินใจอย่าง "คนไม่เอาถ่าน" ,"เกิดมาแค่รักกัน" ,"ดีแต่ปาก" เรียกได้ว่ากลับมาทั้งทีก็ยังคงคุณภาพไว้เต็มเปี่ยมเช่นเดิม
ปลายปี 2548 BIG ASS มีผลงานเพลงพิเศษ ในอัลบั้ม "วันฟ้าใหม่" โปรเจกต์พิเศษต้อนรับปีใหม่ โดยได้ร่วมงานกับวงร็อกรุ่นน้องอย่าง "บอดี้แสลม" ในเพลง "เรา" ซึ่งเป็นเพลงพิเศษที่ร้องร่วมกับ BODYSLAM ในคอนเสิร์ต BIG BODY และหลังจากนั้น 22 เมษายน 2549 BIG ASS ก็ได้มีคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้ง คือ M-150 สุดชีวิตคนไทย ร่วมกับ BODYSLAM POTATO เสก LOSO และ ลานนา คัมมินส์
และล่าสุดหลังจากที่ห่างหายไปนานกว่าเกือบ 2 ปี และต้องพบเจอกับปัญหาและอุปสรรคมากมาย ในที่สุดพวกเขาก็ผ่านมันมาได้ พวกเขาได้สร้างสรรค์ผลงานอัลบั้มใหม่เป็นที่เรียบร้อย ในเดือนพฤศจิกายน 2549 ภายใต้ชื่ออัลบั้ม BEGINS เปิดตัวด้วยเพลงร็อกหนักแน่นอย่าง "ปลุกใจเสือป่า" และมีเพลงอื่นที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เช่น "ข้าน้อยสมควรตาย" "คนหลงทาง" หรือเพลงช้าที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักอย่างเพลง "พรหมลิขิต" ซึ่งขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ทั่วประเทศ
17 มีนาคม 2550 BIG ASS ได้เปิดคอนเสิร์ตใหญ่ ชื่อ "BIG ASS เปิดพรหมลิขิต" โดยดารารับเชิญ เช่น Bodyslam, บอย Peacemaker, Retrospect เป็นต้น และอัลบั้มนี้สามารถกวาดทุกรางวัลของสาขาร็อกจากสีสันอวอร์ดอีกครั้ง ได้แก่ 1.อัลบั้มร็อกยอดเยี่ยม 2.วงร็อกยอดเยี่ยม 3.เพลงร็อกยอดเยี่ยม (begins) ต้นปี 2551 BIG ASS ได้มีโอกาศทำเพลงประกอบภาพยนตร์อีกครั้ง จากเรื่อง "ปิด เทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น" ซึ่งเพลง "อย่างน้อย" ก็ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง และ ปลายปี 2551 พวกเขาได้กลับมาอีกครั้งกับอัลบั้มเพลง "Love" พร้อมทั้งเปิดตัวเพลง "รัก" ซึ่งพวกเขามีความเชื่อว่า "ความรัก คือ ทางออกของทุกอย่าง" ทางด้านดนตรีก็ยังคงเป็นแนวร็อกแบบ Big Ass อยู่เหมือนเดิม แต่เพลงนี้พิเศษตรงที่ได้มีการนำเอา "ขลุ่ย" ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีไทยมาอยู่ในเพลงนี้ด้วย
แคลช
- สำหรับความหมายอื่น ดูที่ แคลช (แก้ความกำกวม)
แคลช | ||
---|---|---|
สมาชิกวง แคลช | ||
ข้อมูลพื้นฐาน | ||
แหล่งกำเนิด | ![]() | |
แนวเพลง | นูเมทัล อัลเทอร์เนทีฟ ร็อก แร็ป คอร์ อีโม ฮิพฮอป อาร์แอนด์บี อคูสติก ออเคสตร้า ป๊อปร็อก เจ-ร็อก | |
ปี | 2544 - 2553 | |
ค่าย | DUCKBAR | |
สมาชิก | ||
ปรีติ บารมีอนันต์ (แบงค์) ร้องนำ คชภัค ผลธนโชติ (พล) กีตาร์ ฐาปนา ณ บางช้าง (แฮ็ค) กีตาร์ สุกฤษณ์ ศรีเปารยะ (สุ่ม) เบส อนันต์ ดาบเพ็ชรธิกรณ์ (ยักษ์) กลอง |
แคลช (อังกฤษ: Clash) วงดนตรีไทยจากค่ายจีนี่ส์ เรคคอร์ดส (เดิมอยู่ค่ายอัพ จี )รวมตัวกันครั้งแรก ในชื่อวง "LUCIFER" เพื่อเข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 2 และ 3 ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่โรงเรียนราชวินิตบาง แก้ว และคว้ารางวัลจากการประกวดรองชนะเลิศอันดับ 1 ในการประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 3[1]
วงแคลชมีผลงานเพลงอัลบั้มเต็มทั้งหมด 6 อัลบั้ม และอัลบั้มพิเศษอีกมากมาย แบ่งเป็นอัลบั้มรวมเพลงฮิต 2 อัลบั้ม อัลบั้มเพลงเรียบเรียงดนตรีใหม่ 3 อัลบั้ม โปรเจกต์พิเศษ 2 โปรเจกต์ อัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง พันธุ์ X เด็กสุดขั้ว เพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณา และซิงเกิลพิเศษอีกหลายเพลง และผลงานพ็อคเก็ตบุ๊คเล่มแรกที่วางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2551 และร่วมลงขันกับเพื่อน ๆ วงไทยเทเนี่ยมเปิดร้านอาหารที่ชื่อ แคลงก์ (Clank) ในกรุงเทพฯอีกด้วย[2]
วงแคลชได้รับรางวัลมากมายจากคลื่นวิทยุซี้ด 97.5 เอฟเอ็ม ประจำปี พ.ศ. 2549 ถึง 2 สาขา ได้แก่ สาขาอัลบั้มร็อกยอดเยี่ยม ได้แก่ อัลบั้ม Emotion และสาขามิวสิกวิดีโอยอดเยี่ยม ได้แก่ เพลงไฟรัก[3] และรางวัลสีสัน อวอร์ดส 3 ครั้ง ครั้งละ 1 สาขา ได้แก่สาขาเพลงร็อกยอดเยี่ยมประจำปี พ.ศ. 2544[4] พ.ศ. 2547[5] และพ.ศ. 2548[6] จากเพลง Love Scene เมืองคนเหล็ก 2004 และ Emotion ตามลำดับ และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ แบงค์ วงแคลช ยังเคยมีส่วนร่วมในการแต่งเพลงให้ศิลปินดูโอชื่อดังอย่าง กอล์ฟ-ไมค์ ในเพลง "ไม่ตามใคร"[7] และ "เต้นกันไหม"[8] และหนุ่มแบงค์ได้แต่งเพลง "ปีใหม่ใหม่" ให้กับโรส ศิรินทิพย์ ร้องในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550 อีกด้วย[9]
นอกจากผลงานเพลงแล้ว วงแคลชยังได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น พรีเซนเตอร์โฆษณารถมอเตอร์ไซค์ โครงการรณรงค์ไนกี้ และแบงค์ นักร้องนำของวงยังได้รับยกย่องให้เป็นลูกยอดกตัญญูในงานวันแม่แห่งชาติเมื่อปี พ.ศ. 2549 อีกด้วย
สวีตมัลเล็ต
สวีตมัลเล็ต | ||
---|---|---|
![]() สมาชิกวงสวีตมัลเล็ตจาก ซ้าย อั๋น, หมู, เต๋า, ตี่, แป๊บ | ||
ข้อมูลพื้นฐาน | ||
แหล่งกำเนิด | ![]() | |
แนวเพลง | อัลเทอร์เนทีฟเมทัล อัลเทอร์เนทีฟ ร็อก สครีมโม่ ฮาร์ดคอร์ | |
ปี | พ.ศ. 2546 - ปัจจุบัน | |
ค่าย | จีนี่ เรคคอร์ดส | |
สมาชิก | ||
ดุลยเกียรติ เลิศสุวรรณกุล (เต๋า) ประณัฐ ธรรมโกสิทธิ์ (แป๊บ) นฤดม ตันทนานนท์ (อั๋น) พิสุทธิ์ โล่ห์สีทอง (ตี่) วิทวัส ภักดิ์แจ่มใส (หมู) |
สวีตมัลเล็ต (อังกฤษ: Sweet Mullet) เป็นวงร็อกไทยที่มาจากวงการเพลงใต้ดิน เริ่มมีชื่อเสียงหลังจากเข้าสู่ค่ายจีนี่ เรคคอร์ดสเมื่อปี พ.ศ. 2547 โดยที่มีเพลง "ตอบ" เป็นเพลงที่ได้รับความนิยมในขณะนั้น
ประวัติ
สวีตมัลเลต ได้ออกผลงานอีพี Panaphobia ในปี พ.ศ. 2546 เป็นอัลบั้มแรก ทำให้วงเริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่คนฟังเพลงใต้ดิน อัลบั้มนี้ทางวงได้ประพันธ์เพลงเอง ตลอดจนกระบวนการผลิตและจัดจำหน่ายด้วย โดยจำหน่ายในคอนเสิร์ตที่วงได้เดินทางไปเล่นตามที่ต่างๆ ในขณะนั้นเพลงของวงสวีตมัลเล็ต ก็ได้เปิดทางคลื่นวิทยุ 104.5 Fat Radio ในช่วง Bedroom Studio ทำให้ชื่อของสวีตมัลเล็ต เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ในปีต่อมา ทางวงมีโอกาสได้เซ็นสัญญากับสังกัดจีนี่ เรคคอร์ดส โดยการชักชวนของ ดนัย ธงสินธุศักดิ์ (โน่) ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์อยู่ที่ค่ายจีนี่ เรคคอร์ดส โน่ให้ทางวงลองส่งแผ่นมาที่ค่ายดู หลังจากนั้นจึงได้รับการติดต่อกลับมา และทำให้มีโอกาสได้มาร่วมงานกับจีนี่ เรคคอร์ดส ในขณะเดียวกัน วงได้มีการแปลงผู้เล่นเบสจาก กล้วย เป็น ตี่ ซึ่งเคยเป็นสมาชิกยุคก่อตั้งวง
ในอัลบั้ม Showroom Vol.1 สังกัดจีนี่ เรคคอร์ดส ซึ่งเป็นอัลบั้มรวมศิลปินหน้าใหม่ของค่ายจีนี่ เรคคอร์ดส วงสวีตมัลเล็ตได้ร่วมร้องเพลงเพลง "ตอบ" ขึ้นชาร์ต 1 ใน 10 เพลงยอดนิยมทางคลื่นวิทยุต่างๆ ทำให้ทางวงได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
ในปี พ.ศ. 2548 วงสวีตมัลเล็ตได้รับเกียรติได้เล่นเป็นวงเปิดให้วงบอดี้สแลม ใน งานบอดีสแลมบีลีฟคอนเสิร์ต (อังกฤษ: Bodyslam Believe Concert) ที่ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี และสวีตมัลเล็ต ได้มีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกกันอีกครั้ง จาก วีน ผู้เล่นกีตาร์ของวงซึ่งต้องการไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ เป็น แป๊บ มือกีตาร์คนปัจจุบัน
ปี 2550 เปิดก่อนออกอัลบั้มเต็มด้วยการเป็นแขกรับเชิญ ในคอนเสริ์ตของวง Retrospect ชื่องาน Retrospect The First Concert โดยขึ้นแจมในเพลง ความฝันของเรา และได้แสดงโชว์เพลง หลอมละลาย เพลงของคนโง่ และ ไต่เย้ยนรก ออกสู้สายตาสาธารณะชนเป็นครั้งแรก
Light Heavyweight เป็นผลงานอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ของวง เปิดตัวอัลบั้มด้วยซิงเกิลแรก "เพลงของคนโง่" และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ตามมาด้วย "หลอมละลาย" และ "หลับข้ามวัน" ตามลำดับ
ปี 2552 เป็นแขกรับเชิญ ในคอนเสริ์ตของวง Potato ชื่องาน Potato The Real Life Concert ที่ราชมังคลากีฬาสถาน
ปี 2553 เป็นวง Supporter Act ให้กับวงดนตรี Saosin ในงาน Saosin Live in Bangkok สถานที่ Butter butter รัชดาภิเษก โดยมีนักร้องนำวง Sixce ร่วมแสดงในเพลง ลั่น
สล็อต แมชชีน
สล็อต แมชชีน | ||
---|---|---|
ข้อมูลพื้นฐาน | ||
แหล่งกำเนิด | ![]() | |
แนวเพลง | กรันจ์ อัลเทอร์เนทีฟ | |
ปี | 2543 - ปัจจุบัน | |
ค่าย | โซนี่ มิวสิค | |
เว็บไซต์ | www.slotmachinerock.com | |
สมาชิก | ||
เฟิร์ส-ศริส หอมหวล (ร้องนำ) แก๊ก-อธิราช ปิ่นทอง (เบส) วิทย์-เจนวิทย์ จันทร์ปัญญาวงศ์ (กีต้าร์) ออโต้-เศรษฐรัตน์ พังจุนันท์ (กลอง) | ||
อดีตสมาชิก | ||
ยุทธ-เขมโสภณ วงศ์ไพศาลสิน (กีต้าร์) ก่อน (กีต้าร์) เกอร์ (กลอง) |
สล็อต แมชชีน เป็นวงดนตรีสัญชาติไทย เจ้าของบทเพลง "ผ่าน" ที่มีชื่อเสียง จนทำให้เพลงนี้คว้ารางวัล Song Of The Year จากเวที Seed Awards และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลทางดนตรีอีกหลายสาขาจากหลายสถาบัน
ประวัติ
เฟิร์ส (ร้องนำ) และ แก๊ก (เบส) ที่เรียนอยู่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร ก่อตั้งวง “อะลุ้มอะหล่วย” ร่วมกับ ก่อน (กีต้าร์)และ เกอร์ (กลอง) และเริ่มฉายแววความสามารถด้วยการคว้ารางวัลจากการประกวดดนตรี อาทิเช่น รองชนะเลิศอันดับ 2 จากเวทีศิลปากร มิวสิคอะวอร์ด และรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ฮอตเวฟ มิวสิค อวอร์ด ครั้งที่ 6
ต่อมา ในปี 2547 ทั้ง 4 สมาชิกของ “อะลุ้มอะหล่วย” ก็ได้มีโอกาสออกอัลบั้มชุดแรกกับ โซนี่ มิวสิค บีอีซี-เทโร (ซึ่งต่อมาคือ โซนี่ บีเอ็มจี ในปัจจุบัน) โดยพวกเขาเลือกที่จะเปลี่ยนชื่อวงจาก “อะลุ้มอะหล่วย” มาเป็น “Slot Machine” โดยมีอัลบั้มแรกที่ใช้ชื่อเดียวกับชื่อวง มีเพลงดังอย่าง “รอ”
ปี 2549 สล็อต แมชชีน มีสมาชิกเปลี่ยนออกสองคนและเพิ่มขึ้นอีก 3 คน จากวงดนตรี 4 ชิ้น เป็น 5 ชิ้น และออกอัลบั้ม “Mutation” (มิวเทชั่น) ที่มีเพลงดังอย่าง “ผ่าน”, “คำสุดท้าย” และอีกหลายเพลงในอัลบั้ม สล็อต แมชชีนได้รับเชิญเป็นวงเปิดการแสดงให้กับคอนเสิร์ตของวงร็อคระดับโลก Linkin Park Live In Bangkok 2007
ซิลลี่ ฟูลส์
อัลบั้มชุดต่อมา GREY ออกในปี 2551 ชุดนี้ได้ร่วมงานกับ สก็อตต์ มอฟฟ์แฟตต์ (อดีตสมาชิกของ เดอะ มอฟฟ์แฟตส์ วงพี่น้องชื่อก้องจากแคนาดา ) โปรดิวเซอร์จากชุดที่แล้วอีกครั้ง ซึ่งสมาชิกปัจจุบันในชุดนี้มีเพียง 4 คน เปิดตัวด้วยเพลง“ฝัน” ซิลลี่ ฟูลส์ (Silly Fools) วงดนตรีสัญชาติไทย เป็นวงดนตรีที่ได้ประสบความสำเร็จมาแล้ววงหนึ่ง วงนี้ได้ถูกเรียกเป็นวงร็อกสมัยใหม่ Silly Fools เป็นวงดนตรีที่มีเอกลักษณ์ และมีฝีมือ ไม่ว่าจะเป็นการผสมผสานดนตรีอันลงตัว อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งไม่มีใครลอกเลียนได้
ที่ มาของชื่อวง Silly Fools
Silly Fools เดิมวงมีชื่อว่า Silly Foolish โดยมี ต้น เป็นผู้ก่อตั้งวง โดยรวมตัวกับ โต-เต้ย-หรั่ง ตั้งวงขึ้น และในปี 2539 ได้นำ Demo ไปเสนอกับค่ายเบเกอรี่มิวสิก ซึ่งทางค่ายเบเกอรี่มิวสิกให้ทำแค่อัลบั้ม E.P. ร่วมโปรเจกท์ BAKERY SAMPLER กับอีกสองวง (วง วิเศษนิยม-วง สโตนโซล) ต้น จึงเปลี่ยนชื่อวงจาก Silly Foolish เป็น Silly Fools เนื่องจากเหตุผลที่ว่า "ชื่อเก่ายาวเกินไป"
[แก้] ประวัติ วง Silly Fools
หลังจากอัลบั้มชุดแรก ก็เป็นที่จับตามองอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นวงดนตรีRock รุ่นใหม่ที่มีฝีมือ และ ในปี 2541 silly fools ได้นำ demo ไปนำเสนอกับค่ายมอร์มิวสิค/แกรมมี่ Silly Fools จึงได้ออกอัลบั้มเต็มเป็นอัลบั้มแรก ชื่อว่า I.Q. 180 ซึ่งมีเพลงดังในอัลบั้มนี้อย่าง "เมื่อรักฉันเกิด" ในปี 2542 ได้มีการเปลี่ยนสมาชิกในตำแหน่งมือกลองภายในวงเกิดขึ้น โดยที่ 2 ชุดแรก คือ E.P. และ I.Q. 180 ตำแหน่งกลองคือ เต้ย กอบภพ ใบแย้ม ได้เปลี่ยนมาเป็น ต่อ ต่อตระกูล ใบเงิน และได้ออกอัลบั้มชุด Candyman ซึ่งอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ทำให้ Silly Fools เป็นที่รู้จักของชาวร็อคทั้งประเทศ และมียอดขายถล่มทลาย และได้กลายเป็นวงร็อคระดับหัวแถวของประเทศทันที เพลงที่ดังตลอดกาลของ Silly Fools อัลบั้มนี้คือ อย่าบอกว่ารัก และ ไหนว่าจะไม่หลอกกัน ในปี 2543 Silly Fools ได้ออกอัลบั้ม Mint ซึ่งอัลบั้มนี้ Silly Fools ได้กลายเป็นวงร็อคอันดับ 1 ของประเทศอย่างแน่นอน อัลบั้มนี้ได้รับการตอบรับตั้งแต่ยังไม่ได้วางแผง เพลงที่ดังตลอดกาลของ Silly Fools อัลบั้มนี้คือ จิ๊จ๊ะ-คิดถึง และ เพลงนี้เกี่ยวกับความรัก ในปี 2545 Silly Fools ได้ออกอัลบั้ม Juicy อัลบั้มนี้เพิ่มความหนักของเนื้อเพลง และดนตรีมากขึ้นกว่าฉบับก่อน แต่ไม่หนักมากเหมือนอัลบั้มแรกๆ (E.P. - i.q. 180) เพลงดังตลอดกาลของ Silly Fools อัลบั้มนี้คือ บ้าบอ-วัดใจ-ขี้หึง-หน้าไม่อาย และ ผิดที่ไว้ใจ ในปี 2547 Silly Fools ได้ออกอัลบั้ม King Size เพลงดังตลอดกาลของ Silly Fools อัลบั้มนี้คือ แล้วแต่แป๊ะ-น้ำลาย-คนที่ฆ่าฉัน ในปี 2549 เกิดเหตุการณ์ช็อคชาวร็อคทั่วประเทศ เมื่อ โต นักร้องนำ Silly Fools ได้ออกมาแถลงข่าวเรื่องออกจากวง เนื่องจากเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง จึงทำให้เหลือ 3 คน คือ ต้น ต่อ หรั่ง ซึ่งประกาศอยู่ด้วยกันต่อ ซึ่งจะหานักร้องใหม่มาแทนเร็วๆนี้ พฤศจิกายน 2549 Silly Fools กับนักร้องใหม่ซึ่งยังไม่เปิดเผยว่าเป็นใคร ใส่หน้ากากขึ้นเล่นเพลงใหม่ 2 เพลง เนื้อร้องภาษาอังกฤษ ในคอนเสิร์ต FaT Festival ธันวาคม 2549 : Silly Fools ต้น หรั่ง ต่อ เริ่มโปรโมตอัลบั้มใหม่ตามสื่อต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ และได้ไปออกรายการวิทยุตามสถานีต่างๆ เกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ที่จะวางแผงในต้นปีหน้า ในชื่อชุดว่า "Mini" เป็นเพลงภาษาอังกฤษจำนวน 5 เพลง ซึ่งนักร้องคือ Benjamin Jung Tuffnell โดยมีเพลง Stay Away เป็นเพลงเปิดตัว มกราคม 2550 เปิดตัวกับผลงานชุดล่าสุด "Mini" โดยชุดนี้จัดทำซีดีจำหน่ายเพียง 3,000 แผ่น และในวันนี้จำหน่ายก่อน 1,000 แผ่น โดยที่ 300 คนแรกจะได้เข้าชมมินิคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มใหม่และนักร้องใหม่ และชุด Mini วางแผงทั่วประเทศจำนวน 2,000 แผ่น กุมภาพันธ์ 2550 วางแผ่นปกติ E.P.ชุด Mini มี 4 ปก (โดยอัลบั้ม Mini นี้ Silly Fools ได้ไปอยู่สังกัด สนามหลวงการดนตรี/แกรมมี่) ในปี 2551 Silly Fools ได้ย้ายไปอยู่ภายใต้บ้านหลังใหม่ คือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) โดย ต่อ มือกลองวง Silly Fools ได้ประเดิมผลงานชิ้นแรก กับการทำงานดนตรีให้อัลบั้มที่ 3 ของ เม-จีระนันท์ มกราคม 2551 อัลบั้ม The One วางแผงเดือนมีนาคม และก็มีอัลบั้ม The One (เวอร์ชันภาษาอังกฤษ) ที่มีดนตรีเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนเนื้องเพลงภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ ออกตามมา และล่าสุดหรั่ง มือเบสวง Silly Fools ได้เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับ เต๋า Drama Stream ในการทำเพลง คำตอบสุดท้าย ซึ่งเป็น single ใหม่ล่าสุดของ เต๋า Drama Stream และ ต่อ-ต้น ก็มีส่วนในการทำดนตรีเพลงนี้ด้วย ปัจจุบัน Silly fools ได้ออก Single ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2553 ครั้งเเรกที่ Seed Fm 97.5 ชื่อเพลง ทำร้าย
ที่มา:www.google.com

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น